ฮิลเลอร์ขึ้นมาเป็นผู้เผด็จการเหนือเยอรมนีได้อย่างไร

ฮิตเลอร์เกิดในวันที่ 20 เมย.1889 ชายแดนออสเตรียต่อกับเยอรมัน พ่อเป็นข้าราชกรมศุลกากรชั้นผู้น้อย แม่เป็นแม่บ้านมีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน 7 คน เขาเป็นลูกคนที่3 เพราะเขาเกเรชอบทะเลาะกับเพื่อนเรียนก็ไม่ดี ฐานะทางบ้านก็ไม่ดี พ่อจึงให้ออกจาก รร.เขาจึง จบเพียง ม.4  เขาชอบอยู่วิชาเดียวคือวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งครูชื่อ Dr Leopold Poetsch ที่สอนให้เขาภูมิใจในชาติและเกียรติยศของชาติเยอรมัน

เขาเคยอยากเป็นบาทหลวงแต่ก็เป็นไม่ได้ เขาอยากเป็นจิตรกรพยายามสอบเข้าสถาบันวิจืตรศิลป์ที่เวียนนาถึงสองครั้งแต่ก็สอบตก เขาทำงานหลายอย่างตั้งแต่คนรับใช้ วาดภาพโปสเตอร์  ภาพโฆษณา ช่างทาสี ช่างอิฐ ช่างปูนแต่ก็เอาดีไม่ได้สักอย่าง เขาเกลียดยิวที่เป็นนายจ้างงานที่กล่าวมาแล้วและเอาเปรียบเขา

งานที่เขารักและประทับใจที่สุดคือทหาร เพราะเขาสมัครเป็นทหารออสเตรียตอนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ออสเตรียไม่รับติว่าเขาผอมไป เขาจึงมาสมัครเป็นทหารเยอรมันๆรับไว้ในกรมทหารราบที่16 มีหน้าที่เดินสาร เขารบอย่างกล้าหาญ เคยถูกแก๊สพิษจนตาบอดไปหลายวัน เขาคนเดียวเคยจับทหารอังกฤษเป็นเชลยถึง16 คนเขาจึงได้เหรียญกล้าหาญถึงสองเหรียญและได้เลื่อนยศจากพลทหารเป็นสิบโท เมื่อเขาเป็นใหญ่ในพรรคนาซี เขานำวินัยไปใช้ในพรรคและใช้กับคนเยอรมันทั้งประเทศ

สงครามโลกยุติลงโดยเยอรมันแพ้สงคราม เขาถูกปลดประจำการ แต่ไม่นานกองทัพก็เรียกเขามาทำงานด้านข่าว ในกรมการเมือง ของกองทัพบกงานนี้ทำให้เขาเข้าถึงชีวิตของกรรมกร ในที่สุดเขาก็ลาออกจากกองทัพมาร่วมตั้งพรรคกรรมกร ในไม่ช้าก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้น เขาจึงเปลียนชือพรรคเป็นพรรคสังคมชาตินิยมหรือพรรคนาซีในปี1920

ปัจจัยที่ทำให้พรรคนาซีได้เป็นรัฐบาลในต้นปี1933และมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือเยอรมัน สรุปได้สี่ประการ

1 สถานการณ์เอื้ออำนวย ทั้งสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ  พอสงครามโลกครั้งที่1 จะยุติก็เกิดการปกิวัติเปลียนจากราชาธิปไตย เป็นสาธารณรัฐซึ่งคนเยอรมันไม่คุ้นเคย เนื่องจากเป็นของใหม่จึงมีความคิดเห็นแตกต่างกันมากในแนวทางการเมืองและนโยบายแก้ปํญหาเศรษฐกิจของเยอรมัน กลุ่มฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายมีความพยายามจะยึดอำนาจในบาวาเรียถึงสามครั้ง ฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายก็เคยยึดอำนาจในเบอลิน แต่ก็ถูกปราบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับที่บาวาเรีย นอกจากนี้ปํญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากทำให้แก้ยากต้องใช้เวลาแต่คนเยอรมันรอไม่ได้จึงพากันเดินขบวนขับไล่ จนต้องเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยๆ การเมืองจึงไม่มีเสถียรภาพ

2 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยิ่งสาหัสกว่าการเมืองเสียอีก เพราะเมืองขึ้นของเยอรมัน1 ล้านกว่าตารางไมล์ถูกฝ่ายชนะยึดไปหมด ตลาดและแหล่งวัตถุดิบหายไปมหาศาล การคืนแคว้นอัลซาสและลอเรนน์ ให้ฝรั่งเศสทำให้เยอรมันเสียแหล่งอุตสาหกรรมเหล็กและถ่านหิน  เยอรมันต้องยกเรือสินค้าให้กับผู้ชนะเกือบหมด ทหารที่ถูกปลดประจำการนับล้านทำให้คนว่างงานที่มากอยู่แล้วมากยิ่งขึ้น ปํญหาเงินเฟ้อก็เพิ่มขึนเรื่อยๆ ที่ร้ายแรงที่สุดคือเยอรมันต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามปีละ 50 ล้านปอนด์ 49ปี ใช้ได้สามปีก็ไม่มีเงินจ่าย ฝรั่งเศสจึงยึดแคว้นรูห์ไว้เป็นประกัน กรรมกรเยอรมันจึงสไตรค์ และไม่ได้ค่าแรง รัฐบาลเยอรมันเกรงว่ากรรมกรจะอดตายจึงพิมพ์ธนบัตรมาจ่ายให้กรรมกร ผลคือในปี1923 เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เงิน1พันล้านมาร็ก ซื้อไม้ขีดไฟได้กล่องเดียว คนที่อาศัยบำนาญและกินเงินเดือน รวมทั้งคนที่มีเงินฝากในธนาคารพากันหมดตัว

3 พรรคนาซีมีนโยบายที่คนกลุ่มต่างๆพอใจมากกว่าพรรคอื่นกล่าวคือเกษตรกรก็พอใจนโยบายประกันราคาพืชผล และลดภาษีให้เกษตรกรที่ซื้อเครื่องจักร กรรมกรก็พอใจที่พรรคนี้มีนโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรม พวกทหารเก่าและพวกชาตินิยมพอใจนโยบายฉีกสัญญาแวซายส์โดยการเอาดินแดนที่มีคนเยอรมันทีถูกยกให้โปแลนด์และเชคโกสโลวาเกียกลับคืน และเยอรมันจะต้องสร้างกองทัพและอุตสาหกรรมผลิตอาวุธอีกครั้งซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานจำนวนมาก นายทุนก็เอาเงินมาให้หลายล้านมาร์กเพราะพรรคนาซีมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ พวกเดียวที่ไม่ชอบพรรคนาซีคือชาวยิวเพราะพรรคนาซีมีนโบายต่อต้านยิวทั้งอาชีพ การศึกษารวมทั้งการห้ามคนเยอรมันแต่งงานกับยิว นโยบายต้านยิวจะรุนแรงขึ้นเมื่อพรรคนาซีมีอำนาจเบ็ดเสร็จ

4 พรรคนาซีมีประสิทธิภาพสูงเพราะมีวินัยเข้มงวดแบบทหาร มีการจัดตั้งสาขาพรรคและเพื่มสมาชิกที่เป็นระบบมาก ตัวฮิตเลอร์และ ดร.เกิบเบิลโฆษกพรรคมีความสามารถในการพูดชักจูงให้มวลชนเชี่อถือมาก

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้พรรคนี้ได้ที่นั่ง สส.เพิมขึ้นๆเลือกตั้งในปี 1930 ได้ สส.107 คน  ปี1932 230คน  ปี 1933 ได้ 288 คน(43.5%) ซึ่งมีเสียงเป็นอันดับ 1 จึงได้รับสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคนาซีจึงเอาพรรคฝ่ายขวามารวมจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นครั้งแรก เมื่อ 30มค.1933โดยมีฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา23 มีค .1933 รัฐสภาก็ออกกฏหมาย Enabling Act ให้ฮิตเลอร์เป็นผู้เผด็จการ 4  ปี (ต่อมาขยายอำนาจจนเป็นตลอดชีวิต)  2 สค.1934 ประธานาธิบดีฮินเดนเบิร์ก ถึงแก่กรรม ฮิตเลอร์ก็รวมตำแหน่งประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรี แล้วเรียกว่าท่านผู้นำหรือ Fuhrer อิตเลอร์รวบทั้งอำนาจบริหาร ตุลาการและนิติบัญญัติมาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เขาเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าราชการทุกแคว้น ศาลเก่าถูกยุบหมดแล้วฮิตเลอร์ก็ตั้งศาลประชาชนมาแทน เขาเป็นคนตั้งผู้พิพากษา พรรการเมืองอื่นถูกยุบเหลือแต่พรรคนาซี

ภายในุ6 ปี ฮิตเลอร์ก็ทำให้เศรษฐกิจเยอรมันมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งอีกครั้ง เยอรมันมีกองทหารที่เกรียงไกร สามารถเอาออสเตรีย เชคโกสโลวาเกียมารวมกับเยอรมันได้ ทำให้ฮิตเลอร์ย่ามใจและไม่มีผู้ใดในรัฐสภาและใน ครม.กล้าคัดค้านเมื่อฮิตเลอร์ ผนวกฉนวนโปแลนด์ในวันที่ 1 กย.1939 ผลคือเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้เยอรมัน ยุโรป อาฟริกาเหนือและบางส่วนของเอเชียย่อยยับ มีทหารและพลเรือนตายราว40 ล้านคน ฮิตเลอร์ยิงตัวตายเมื่อ30 เมย.1945 อายุ  56ปี 10วัน มีอำนาจ 12ปี 3 เดือน
ที่มาสองภาพบน https://encrypted-tbn2.gstatic.com
ตัวเลขเงินเฟ้อในปี1923

ที่มา https://encrypted-tbn1.gstatic.com
 ผู้หญิงเยอรมันกับกองเงินที่เฟ้ออย่างไม่เคยมีมาก่อน ในปี 1923


ที่มา สุวิทย์ ธีรศาศวัต ฮิตเลอร์ขึ้นมาเป็นผู้เผด็จการเหนือเยอรมนีได้อย่างไร วารสารประวัติศาสตร์ ปีที่8 ฉบับที่2  พค.-สค.2526 หน้า 107-132

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น