กบฎผู้มีบุญอีสาน 2445: สาเหตุและวิธีการ

กบฎผู้มีบุญอีสานเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นใปปี 2445 เกิดขึ้นเกือบทุกจังหวัด(13 จังหวัด)ในภาคอีสาน มีผู้ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญ ถึง60 คน จังหวัดที่มีผู้มีบุญ10คน ขึ้นไปมี อุบล 14 คน ศรีสะเกษ 12 คน มหาสารคาม 10 คน

สาเหตุของกบฏครั้งนี้มีทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ

สาเหตุทางการเมือง มีทั้งการเมืองภายนอกคือ การที่ฝรั่งเศสขยายอำนาจเข้ามาครอบครองดินแดนในอินโดจีนซึ่งไทยมีอำนาจเกินครึ่งของพื้นที่ ปี2410 ไทยเสียเขมรส่วนนอก ปี2431 เสียสิบสอบจุไทย ปี2436 เสียลาวฝั่งซ้ายและไทยยังเข้าไปตั้งกองกำลังใดๆ แม้แต่เก็บภาษีในเขต 25กิโลเมตรทางฝั่งขวา(ฝั่งอีสาน)มิได้ ทำให้เกิดข่าวลือว่าฝรั่งจะมายึดบางกอกและจะเกิดผู้มีบุญขึ้นทางฝั่งตะว้นออก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นได้ชัดว่าอำนาจของไทยลดไปมาก

ส่วนการเมืองภายใน เจ้า ขุนนางเดิมในพื้นที่อีสานไม่พอใจจากการเสียอำนาจและผลประโยชน์จากการปฏิรูปการปกครองของ ร.5 กล่าวคือส่งข้าหลวงและข้าราชการจากส่วนกลางมาทำงานแทน เจ้าเมืองกรมการเมืองเดิม เมื่อเจ้าเมืองกรมการเมืองตายก็ยุบตำแหน่งนั้นไปเลย แต่ที่ไม่พอใจที่สุดคือทางส่วนกลางส่งคลัง และสรรพกรมาเก็บภาษีแทนเจ้าเมืองกรมการเมือง และแบ่งผลประโยชน์ให้นิดเดียวเช่น ภาษีรัชชูปการเก็บไพร่คนละสี่บาท แต่แบ่งให้เจ้าเมืองกรทการเมืองและกำนัน แค่ 13.67% อีก 86.33% ส่งเข้าส่วนกลางนี่คือการทุบหม้อข้าวในสายตาของผู้มีอำนาจเก่า ผลคือผู้มีอำนาจเก่าที่เคยได้เงินส่วยจากไพร่ถึงสองในสามส่วน พอไม่ได้ก็ยากจนลงและไม่พอใจส่วนกลาง

ส่วนสาเหตุทางเศรษฐกิจสังคมคือ เกิดฝนแล้งในอีสานใต้ติดต่อกันสองสามปี ยิ่งกว่านั้นการที่รัฐบาลให้ไพร่จ่ายภาษีรัชชูปการเป็นเงินแทนสิ่งของคนละสี่บาท ทำให้ไพร่ต้องลำบากมาก เพราะสังคมอีสานก่อนหน้านั้นตลอดมาไม่ต้องใช้เงินก็อยู่ได้เพราะทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ตลาดมีน้อยมากๆเมื่อรัฐต้องการเงินชาวบ้านถ้าไม่ขายควาย(ตัวละ6 บาท)ให้นายฮ้อย ก็ต้องหาอย่างอื่นไปขาย บางคนหาบไก่ 16 ตัวไปขายเจ๊กที่ตลาดโคราชซึ่งห่างจากหมู่บ้านถึง140 กม. ที่แย่กว่านั้นรัฐบาลยังออกกฎหมายให้คนนำช้าง ม้า วัว ควาย ไปตีทะเบียนที่ว่าการอำเภอ เเละต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย ใครไม่ตีทะเบียนจะส่งไปขายภาคอื่นไม่ได้  ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะหมู่บ้านจำนวนมากห่างไกลอำเภอเกิน 30 กม.และเมื่อเอาฝูงสัตว์ไปถึงอำเภอตีทะเบียนไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่อ้างว่าแบบฟอร์มจดทะเบียนหมด และไม่ทราบว่าส่วนกลางจะส่งมาถึงเมื่อใด แต่ถ้าแอบเอาเงินให้ จนท. จนท.ก็หาแบบฟอร์มมาให้จนได้

สำหรับวิธีการกบฎก็ใช้คล้ายๆกันคือกลุ่มแกนนำมักใช้หมอลำซึ่งเป็นการแสดงที่ชาวบ้านชอบมากที่สุดนอกจากมีเรื่องนิทานพื้นบ้านแล้วยังมีคำพยากรณ์ว่า หมูและควายเขาตู้จะกลายเป็นยักษ์ หญิงโสดจะถูกยักษ์กิน เงินทองจะกลายเป็นเหล็ก ตัวหม่อนจะกลายเป็นงูและเงือก ขบกัดเจ้าของ ฟักเขียวจะกลายเป็นช้าง  ในวันที่ 23 มีนาคม ร.ศ. 120 (2445) จะเกิดพายุ 7 วัน 7 คืน พัดแรงมากจนคนตัวปลิว ให้ปลูกต้นตะไคร้เอาไว้เกาะ ไม่ให้ปลิวไปกับพายุ จะมีผู้มีบุญมาปรากฎตัว ใครที่รักษาศีล ทำบุญเคารพพ่อแม่ครูอาจารย์และท่องคาถาจะอยู่รอดและยักษ์จะไม่กิน ใครอยากร่ำรวยให้เก็บก้อนกรวดมาบูชา พอผู้มีบุญปรากฎตัว ท่านสามารถเสกให้ก้อนกรวดเป็นเงินเป็นทองได้

คำพยากรณ์และคาถาที่ว่านี้ได้มีการคัดลอกต่อๆกันแบบจดหมายลูกโซ่ หรือส่ง ไลน์หรือ fb ในปัจจุบันทำให้ข่าวผู้มีบุญซึ่งจะมาสร้างสังคมใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ไม่มีการขูดรีดจากเจ้านาย แพร่กระจายในอีสานอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านส่วนมากพากันเชื่อ แล้วคัดจดหมายลูกโซ่ ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า หนังสือผู้มีบุญ บ้าง เรียก หนังสือท้าวธรรมิกราช บ้าง หนังสือ พระยาอินทร์ บ้าง คนเป็นจำนวนมากไปเก็บก้อนกรวดในแม่น้ำลำธารมาบูชาเพื่อรอผู้มีบุญเสก มีหลายพื้นที่คนเอาเงินที่มีบ้างมาซื้อของจากร้านเจ๊กโดยไม่เอาเงินทอน บางคนเอาเงินทอนมาโยนทิ้งข้างทาง สินค้าจึงขายดีมาก บางคนทิ้งข้าวไว้ให้วัวควายกินเพราะผู้มีบุญกำลังจะมาทำให็รวยแล้ว

การต่อสู้กับอำนาจรัฐของชาวอีสานจะเป็นอย่าง โปรดอ่านใน บทความต่อไปครับ
แผนที่ การกระจายของกบฎผู้มีบุญอีสาน 2445
กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงใหญ่ มณทลอีสาน ขณะเกิดกบฎผู้มีบญ2445



ที่มา:สุวิทย์ ธีรศาศวัต ประวัติศาสตร์อีสาน 2322-2488 เล่ม 2 หน้า178-192 (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ข. 2557)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น