พระไอยการลักษณะผัวเมีย :ความไม่เท่าเทียมของหญิงชายไทยก่อนปฏิวัติ 2475

หลักฐานสำคัญที่บ่งบอกเราว่าสังคมไทยก่อนปฏิวัติ 2475 เป็นสังคมที่หญิงเป็นเบี้ยล่างของชาย คือกฎหมายตราสามดวงซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนปลายสมัยรัชกาลที่ 5 จึงยกเลิกกฏมายอาญาแบบเก่า มาใข้แบบใหม่ ส่วนกฏหมายแพ่งแบบเก่ามายกเลิกหลังปฏิวัติ 2475 ไม่นาน

หลักฐานการไม่เท่าเทียมกันของชายหญิงอยู่ใน พระไอยการลักษณะผัวเมีย และพระไอยการทาษ แต่เพื่อให้บทความนี้กระชับจึงขอยกเฉพาะ พระไอยการลักษณะผัวเมีย โดยสังเขป กฏหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายตราสามดวง ขอสรุปไว้ดังนี้

พระไอยการลักษณะผัวเมีย ตราขึ้นครั้งแรกใน พศ. 1904  ม.1-71 สมัยพระเจ้าอู่ทอง ฉบับที่สอง ตราเพิ่มเติม ม.72-74 ใน พศ.1905 ฉบับที่สาม ม.75-141 พศ.2347 (รัชกาลที่ 1) สาระสำคัญ มีดังนี้

1. ชนิดของเมีย มีสามชนิดคือ

    1.1 เมียที่พ่อแม่กุมมือให้เป็นเมียชาย เรียกว่าเมียกลางเมือง
    1.2 เมียที่ชายขอมาเลี้ยงเป็นอนุภรรยาหรือเมียน้อย เรียกว่า เมียกลางนอก
    1.3 เมียที่ชายซื้อมาหรือไถ่มาเรียกว่าเมียกลางทาษี

2. การแต่งงานที่ถูกต้องตามกฏหมาย พ่อแม่ หริอผู้ปกครอง หรือนายทาสต้องอนุญาต

3. หญิงเมื่อแต่งงาน จะกลายเป็นสมบัติของผัว ชายอื่นจะไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ หญิงทาสที่เป็นเมียของทาส นอกจากจะเป็นเมียของผัวแล้วยังต้องทำงานตามคำสั่งของนายทาสด้วย

4.กฏหมายห้ามแต่งงานหลายกรณี เช่น

    4.1 หลานทำชู้กับเมียลุง ตา ปู่ อาว์ (ชายที่เป็นน้องของพ่อ) อา (หญิงที่เป็นน้องของพ่อ) น้า โทษผู้ฝืนคือ จับทั้งคู่ใส่ตรวน ขิ่อ คา เอาหมึกสักหน้า เอาเชือกหนังผูกคอ ตีฆ้องแห่ประจานรอบตลาด เอาขึ้นขาหย่าง ยิงด้วยลูกสันโดด ตีด้วยลวดหนัง 25-50 ที แล้วจับทั้งคู่ลอยแพนอกเมือง (ม.35 )

    4.2 พ่อ แม่ ลูก พี่ น้อง ยาย หลานตา หลานลุงน้าหลาน ทำชู้กันให้ทำโทษโดยลอยแพในทะเล ญาติพี่น้องต้องทำพลีกรรมด้วยไก่แปดตัวที่ประตูเมืองทั้งสี่ ให้พระ พราหมณ์ สวดทำพิธีระงับอุบาทว์จัญไร ญาติพี่น้องที่รู้เรื่องแล้วมิได้ว่ากล่าว ให้ลงโทษตามโทษานุโทษ

      4.3 ภิกษุสามเณร ได้เสียกับหญิง มีโทษปราชิก และปรับไหม (ม.40) ถ้าจำเลยทำร้ายและข่มขืนหญิง ให้ปราชิกเฆี่ยน 29-50 ที แล้วส่งไปเป็นตะพุ่นช้างหญิงให้ทำโทษดุจหญิงนอกใจผัว (ม.41)

    4.4 นายทาสไปเอาเมียทาส ให้ปล่อยผ้วและเมียเป็นไท ถ้าเมียไม่ไปกับผัว ให้นายทาสจ่ายค่าตัวเมียให้ผัวด้วย

    4.5 นายทาสหรือพี่น้องลูกหลานนายทาส ข่มขืนทาสหญิงๆร้องแรก มีสักขีพยานให้ลดต่าตัวทาสลง 1/4  แต่ถ้าหญิงทาสยินยอมให้ร่วมหลับนอนไม่มีโทษ (ม.46)

    4.6 ทาสแต่งงานกันเอง แล้วพากันหนีไปอยู่ที่อื่น โดยที่พ่อแม่และนายทาสไม่อนุญาต ไม่ว่านานแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังเป็นทาสอยู่ และไม่ถือเป็นผัวเมียกัน หากนางเมียทาสมีชู้จะฟ้องเอาผิดชายชู้มิได้ (ม.48)

5.โทษของการมีชู้

     5.1 ลงโทษตามชนิดของเมียตามลำดับ
     5.2 การมีชู้ มีประเภท คือ

    (1) ไม่ถึงชำเรา มี 5 ประการ

    ๑, จับมือถือนม
    ๒. ผัวไม่อยู่ไปหาเมียท่านบนเริอน
    ๓. ไปหาเมียท่านในที่ลับ
    ๔. ลักลอบพูดกับเมียท่าน
    ๕  ไปหาเมียท่านถึงห้องนอน
    ให้ปรับไหมตามลำดับ

    (2) เป็นชู้ถึงชำเรา (ได้เสียกัน) มีโทษแตกต่างกัน เช่น

    ๑. เมียมีชู้ให้เอาเฉลวปะหน้า ทัดดอกชบาแดง สวมคอพวงมาลัยดอกชบา ประจาน 3 วัน ชายชู้ให้ปรับใหม

    ๒. เมียมีขู้กับชายคนเดียวสองครั้ง ให้ปรับสองเท่า โกนหัวเมีย ขึ้นขาหย่างประจานรอบตลาด ตีด้วยลวดหนัง 2 ที

    ๓. เมียมีชู้ สามครั้ง ไม่ให้ลงโทษชายชู้ ส่วนเมียให้ลากไถนานาประจานแทนควาย 3 วัน และสักแก้มเป็นภาพชายหญิง

    ๔. การผิดเมียท่านถึงชำเรา โทษเป็นสองเท่าของการชำเรา

    ๕. ทำชู้เมียท่านที่ไปราชการ เพิ่มโทษเป็นสองเท่า

    ๖. จับชู้ได้คาหนังคาเขา (หญิงนอนหงาย ชายนอนคว่ำ ) ให้ผัวฆ่าเสียทั้งคู่ ถ้าฆ่าเฉพาะเมีย ให้ปรับผัว แต่ถ้าเมียหนีรอดตายไปได้ ให้จับเมียเป็นทาสหลวง (ม.8-9)

    ๗. เมียนอกใจหากไม่ฆ่า ให้ริบทรัพย์ ทั้งคู่มาเป็นของผัว ไล่เมียไปให้มีเสื้อผ้าชุดเดียวที่สวมไป (ม.10)
 
6 การสิ้นสุดของผัวเมีย

    6.1 ผัวตาย ต้องรอให้ทำศพผัวเสร็จก่อนจึงจะมีผัวใหม่ได้ ถ้าฝ่าฝืนให้ญาติผัวจับเมียเอาตะกร้อสวมหัวถึงตา แห่ประจานรอบบ้านผัวสามรอบ ปรับใหมชายชู้1ล้านเบี้ย

    6,2 เมียหนีผัวไปไดัผัวใหม่จนมีลูกสามคนขึ้นไป ถือว่าขาดจากผัวเดิม ถ้ามีลูกกับผัวใหม่สองคนยังถือว่าเป็นเมียผัวเก่า

    6.3 ผัวไปบวช เป็นพระภิกษุ สามเณร หากสืกมาเมียยอมเป็นเมียก็ถือว่ายังเป็นเมีย แต่ถ้าเมียไม่ยอมก็แล้วแต่เมีย

    6.4 ผัวอนุญาตให้เมียไปบวขชี แม้สึกมาจะเอาผัวเดิมหรือผัวใหม่ก็ได้ (ม.37-39)

    6,5 ผัวเมียทะเลาะกัน ผัวลงเรือนทิ้งเมียไป 3 เดือนถึง1 ปี 4 เดือนตามระยะทางห่างระหว่างเรือนของเมียกับเรือนของพ่อแม่ผัว เมื่อพ้นกำหนด ให้เมียส่งเฒ่าแก่ผู้ใหญ่กำนันผู้ใหญ่บ้านนำขันหมาก สินสอด ทุนไปคืนผัวหรือพ่อแม่ของผัว แล้ว ความเป็นผัวเมียขาดกัน (ม49)

    6.6 ชายหญิงแต่งงานกัน ไม่มีขันหมาก สินสอด หรือมีทุนแล้วขายหมดไป ถ้าหญิงบอกเลิกกับชาย ความเป็นผัวเมียก็หมดไป แต่ถ้ามีขันหมาก สินสอดต้องคืนผัวก่อน ความเป็นผัวเมียจึงจะขาดกัน (ม.49)

    6.7 ผัวเมียโกรธกัน ผัวเอาสินเดิมลงเรือนและเอามีดฟันเสาเรือน แม้จากไปวันเดียวความเป็นผัวเมียก็ขาดกัน (ม.51)
  
ที่มา: กฏหมายตราสามดวง เล่ม ๒( กรุงเทพฯ:องค์การค้าของคุรุสภา 2515) เผยแพร่ครั้งแรก 13 กันยายน 2558
   




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น