รถยนต์รุ่นแรกในสหรัฐอเมริกา

รถยนต์ในทวีปอเมริกาเริ่มต้นหลังยุโรปหลายสิบปี แต่ในเวลาไม่นานก็แซงหน้ายุโรปไป เป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลกติดต่อกันหลายสิบปี เพิ่งมาเสียแชมป์ให้ญี่ปุ่นในปี 1989 จนถึงปัจจุบัน

รถยนต์คันแรกที่สร้างขึ้นในสหรัฐคือปี 1893 (สมัย ร.5) โดยพี่น้องตระกูล Duryea แต่ขายไม่ออก ต่อมา Henry Ford (1863-1947) ได้ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในปี 1896 ที่ดีทรอยต์ แต่มีปัญหาค่าแรงช่างและเวลาที่ใช้ในการฝึกหัดช่างเขาจึงคิดระบบการผลิตแบบใหม่ขึ้นในปี 1903 ทำให้รถยนต์ราคาถูกมากโดยวิธีผลิตแบบmass production ใช้สายพานในการลำเลียงชิ้นส่วนผ่านช่างที่ยืนรอ ช่างแต่ละจุดจะประกอบชิ้นส่วน 1-2 ชิ้น ระบบนี้ทำให้การผลิตเร็วมากและรถทุกคันได้มาตรฐานเดียวกันหมด เมื่อรถเสียก็มีชิ้นส่วนขนาดมาตรฐานขาย ทำให้การซ่อมรวดเร็วมาก ระบบที่ฟอร์ดใช้ภายหลังมีคนนำไปใช้ในโรงงานนานาชนิด เขาจึงเป็นคนปฎิวัติระบบอุตสาหกรรมซึงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในปี 1903 เขาผผลิตตรถได้ 600 คัน

รถยนต์ฟอร์ด model T ที่ฟอร์ดผลิตด้วยระบบสายพานราคาเพียงคันละ 260$  ออกสู่ตลาดในปื 1908 (ต้นสมัยร.6) ขายดีมากขายได้ถึง 15 ล้านคัน ฟอร์ดกลายเป็นมหาเศรษฐึ ต่อมามีนักประดิษฐ์อเมริกันอีกหลายคนได้ผลิตรถนต์ออกขาย แต่ฉีกแนวใหม่คือทำรถหรูราคาแพงเพื่อขายคนรวยอาทิ

แรนซัม โอลส์ (1864-1950) ผลิตรถ Oldsmobile
วิลลิส เดฟ บิวอิค ผลิตรถ Buick
พี่น้องตระกูลดอดจ์ ผลิตรถ Dodge
วอลเตอร์ ไครส์เลอร์ ผลิตรถ Chryler

ปี 1904 สหรัฐผลิตรถยนต์ได้รวม 2,753,111คัน
ปี 1964 สหรัฐผลิตรถยนต์ได้รวม 9,307,860 คัน
ปี 1984 สหรัฐผลิตรถยนต์ได้รวม 7,774,000 คัน
ปี 1989 หรัฐผลิตรถยนต์ได้รวม 6,897,600 คัน


ที่มา: สุวิทย์ ธีรศาศวัต:คำบรรยายวิชาประวัติศาสตร์ยุโรป 2 (ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยใหม่ ค.ศ.1789 ถึง ปัจจุบัน) ขอนแก่น:คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2554

*เผยแพร่ในเว็บบล็อกครั้งแรก 3 กค.2558
  suwit-history.blogspot.com



ภาพที่ 1  Henry Ford ผู้สร้างรถฟอร์ดและนำระบบสายพาน (MASS PRODUCTION) มาใช้เป็นคนแรก เป็นผู้ปฏิวิติการผลิตแบบอุตสาหกรรมซึ่งยังใช้มาถึงปัจจุบัน


ภาพที่ 2 ระบบสายพานการผลิตในโรงงานรถยนต์ฟอร์ด เมืองดีทรอยต์


ภาพที่ 3  รถฟอร์ด model T ทำสถิติขายดีที่สุด ถึง 15 ล้านคัน


ภาพที่ 4  Ransom Olds ผู้ผลิตรถหรู โอลสโมบิล


ภาพที่ 5 รถยนต์หรูผลิตในสหรัฐเมื่ราวหกทศวรรษที่แล้ว หลังสงครามโลกครั้ง 2 (ภาพที่ 5-10)


ภาพที่ 6


ภาพที่ 7


ภาพที่ 8


ภาพที่ 9


ภาพที่ 10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น